เรื่องนี้เป็นประเด็นเมื่อลูกค้ามีโอกาสมาลองแหวนและมักจะถามหากันอยู่บ่อย ๆ ค่ะ ว่าอยากได้แบบเตี้ย ๆ จะได้ไม่เกี่ยวกับอะไรง่าย ๆ ไม่เสี่ยงต่อการโดนชน และถูกกระแทกง่าย ๆ ค่ะ
เรื่องนี้จุดที่จะต้องเริ่มต้นทำความเข้าใจก่อน คือ เรื่องของเพชรค่ะ หลัก ๆ ก็คือ ขนาดเพชร ถ้าเพชรยิ่งเม็ดใหญ่ น้ำหนักเยอะๆ ธรรมดาแล้วความหนาของก้นเพชรจะต้องมีความหนามากขึ้นไปด้วย ตรงนี้เป็นจุดสำคัญประการแรกเลยที่ หากเราตั้งสเปกเพชรไว้เม็ดค่อนข้างใหญ่ ตัวเรือนแหวนที่ใช้จะต้องมีความหนามากพอ ที่จะครอบคลุมถึงเนื้อเพชรด้านล่างสุด เพื่อไม่ให้ทะลุไปถึงนิ้วของเราค่ะ
ตอนนี้มาดูว่า ทรงแหวนแบบไหนบ้าง ที่สามารถทำเป็นทรงเตี้ย ๆ ได้ค่ะ
สำหรับทรงแหวนผู้หญิง
ก็จะมีลักษณะฝังหุ้ม

ตัวเรือนวงนี้ใช้เพชรราว ๆ 0.20 กะรัต ใส่ออกมาดูไม่หนามาก แทบเรียบไปกับนิ้วมือ และทนต่อการกระแทกได้ดีค่ะ เพราะหุ้มด้วยทองทั้งหมดจนถึงขอบหน้าเพชรทีเดียว แต่ถ้าเพชรใหญ่กว่านี้ อาจจะต้องหุ้มทองหนามากขึ้น ซึ่กรณีที่เป็นไซส์แหวนผู้หญิงแล้ว ไซส์นิ้วไม่เกิน 52-53 จะดูหนากำลังสวยพอดีค่ะ แต่ถ้าเพชรเม็ดใหญ่กว่านี้ ผู้เขียนอยากให้ลองสวมใส่ของจริงอีกทีตามความเหมาะสมด้วยตนเองค่ะ
ลักษณะเตยที่ไม่ชูมาก



ตัวเรือนวงนี้ไซส์ใหญ่ถึง 0.40 กะรัตทีเดียวค่ะ ความจริงที่เขียนหัวข้อว่าไม่ชูมาก มองจากภาพแล้ว เหมือนตัวเรือนไม่ได้ไม่ชูนะคะ ความจริงดีไซน์ออกมาชูตามปกติค่ะ แต่การออกแบบของวงนี้ไล่ระดับเพชรเม็ดถัดไปให้สูงเกือบพอดีกับเพชรเม็ดกลางเลย และต่อมาก้านตัวเรือนก็จะต้องหนาขึ้นกว่าปกติให้รับกับเพชรเม็ดถัดมาไปด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นแหวนของเราจะออกมาเป็นภาพถัดมานี้ค่ะ

แหวนเตย บน-ล่างนี้มีไซส์เพชรเม็ดกลางพอ ๆ กัน แต่วงหลัง ทำก้านบางกว่า ก็จะสวมใส่สบาย ไม่”ค้ำนิ้ว”เท่าวงแรก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ ลักษณะนิ้วว่ามีเนื้อมากน้อยขนาดไหน วงนิ้วใหญ่เล็กขนาดไหนด้วยค่ะ ซึ่งถ้าเทียบแล้ว แบบแรกคนนิ้วอวบหรือเนื้อเยอะ จะใส่ได้ไม่มีปัญหา แต่แบบหลังจะเหมาะกับคนไซส์นิ้วเล็ก ๆ มากกว่าค่ะ รวมถึง ข้อดีของแหวนที่ชูขึ้นมากแบบวงหลัง มองแล้วจะทำให้ดูเหมือนเพชรเม็ดใหญ่มากกว่าปกติด้วยค่ะ
สำหรับแหวนผู้ชาย
ลักษณะการทำตัวเรือนก็จะเป็นไอเดียคล้าย ๆ กับการทำตัวเรือนแหวนผู้หญิง สำหรับใครที่ชอบแบบแบน ๆ เรียบติดนิ้วลักษณะแบบนี้
เพชรที่ใช้จะใหญ่ได้ถึง 0.20 กะรัต ซึ่งไม่เช่นนั้น ถ้าเพชรใหญ่ขึ้นมาอีก ตัวเรือนแหวนด้านหน้าเพชรจะต้องหนาขึ้นมาลักษณะนี้ค่ะ



